• นโยบายสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (คลิก)

บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดการพลังงานเพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ในกระบวนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ได้ดำเนินโครงการติดตั้ง Solar Rooftop เพิ่มอีก 1,233.50 kW ส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวมจากโครงการทั้งหมด 4,933.91 kW ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานทดแทน

นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตและการดำเนินงาน พร้อมส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับองค์กรและสังคมโดยรวม

บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้น้ำอย่างยั่งยืน เนื่องจากน้ำเป็นทรัพยากรสำคัญต่อทั้งการดำเนินธุรกิจและระบบนิเวศ โดยดำเนินมาตรการตรวจสอบคุณภาพน้ำและบำรุงรักษาระบบบำบัดอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการติดตามระบบท่อสูบจ่ายน้ำประปาและน้ำเสีย เพื่อลดการรั่วไหลและการสูญเสียน้ำ พร้อมกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงานอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถดูแลและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดการขยะ ของเสีย และมลพิษอย่างครอบคลุม โดยปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งส่งเสริมการคัดแยกขยะ การลดของเสีย และการกำจัดอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการอบรมและให้ความรู้แก่พนักงานและชุมชนเรื่องการจัดการขยะอย่างถูกวิธี รวมถึงพัฒนานวัตกรรม เช่น การนำเศษอาหารไปแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดของเสียอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการมลพิษทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยควบคุมมลพิษตั้งแต่ต้นทาง พร้อมตรวจวัดคุณภาพอากาศประจำทุกปีให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น ควบคุมกระบวนการผลิต จัดทำแนวทางการตรวจวัดและเก็บตัวอย่างอากาศ และตรวจสอบระบบบำบัดมลพิษอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและรักษาประสิทธิภาพของระบบให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน

บริษัทฯ มุ่งมั่นบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามแนวทาง NDCs ของประเทศไทย โดยได้จัดทำคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร (CFO) ตามมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) และผ่านการทวนสอบข้อมูลโดยสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

แม้ในปี 2567 ปริมาณการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้พลังงานสูงขึ้นตาม แต่คาร์บอนฟุตพรินต์ในขอบเขตที่ 1 และ 2 กลับลดลง สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการปรับปรุงกระบวนการผลิต การลดของเสีย และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นผลจากความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว